จับตายุทธการสงครามสื่อ แย่งความชอบธรรม




นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวทุกครั้ง ที่ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 พี่น้องแห่งตระกูลชินวัตรเคลื่อนไหว ทั้งที่บางครั้งก็เป็นเหตุการณ์ปรกติธรรมดาของคนๆ หนึ่งที่ใช้ชีวิตตามปรกติของสังคมยุคใหม่ ที่มีสื่อโซเชียลฯอยู่ในมือ

การโพสต์กิจกรรมประจำวันว่า วันนี้ทำอะไร ไปไหน กินข้าวกับอะไร ฯลฯ เป็นเรื่องทั่วไปที่มีการนำมาแชร์กันในสังคมออนไลน์ บรรดาผู้ติดตาม หรือเพื่อนๆ ก็เห็นกิจกรรม เข้ามาแสดงความเห็นกันไปตามธรรมดา

แต่ที่น่าสนใจก็คือ ทำไมกิจกรรมธรรมดาๆ ของอดีตนายกฯ สองพี่น้องที่โพสต์ในโซเชียลฯ ถึงต้องเป็นข่าวของสื่อกระแสหลัก อย่างสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อทีวีต้องนำมาเสนอข่าวด้วย

ยกตัวอย่าง การปลูกเห็ด เก็บเห็ดฯ เป็นเรื่องทั่วไปที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่ทำไม เมื่ออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำถึงเป็นข่าวใหญ่โต เฉกเช่นเดียวกับ พี่ชายอดีตนายรัฐมนตรีที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ถูก คสช.เดินเกมรุก ยกเลิกพาสปอร์ต และเดินหน้าถอดยศ หลังไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โจมตีสถาบัน และ คสช. ก็เสนอภาพกิจกรรม ไม่ว่าจะไปดูฟุตบอลที่เยอรมัน หรือล่าสุด ลูกชายบอกว่า ได้รับเชิญไปประชุมเรื่องเกี่ยวกับวงการระบบรักษาพยาบาล ก็เป็นข่าวใหญ่โตในสื่อกระแสหลักเช่นกัน

แต่เรื่องเหล่านี้ แท้จริงไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือ ไม่น่าจะเป็นข่าว แต่กลับเป็นข่าว เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มีการวางแนวทาง เพื่อจะให้เป็นข่าวโดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ในตัวของมัน

กรณี การเก็บเห็ด แม้แต่สื่อต่างประเทศยังวิเคราะห์ว่า นี้เป็นการจงใจ มีการจัดวาง เสื้อที่ใส่มีข้อความที่จงใจสื่อความหมาย "คนธรรมดา" ไม่ได้เป็นเสื้อยืดทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด และระดับอดีตนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมิใช่น้อย สวมใส่เสื้อยืดสกรีนธรรมดาๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องปรกติทั่วไป แต่เป็นการจงใจเพื่อจะสื่อความไปยังกลุ่มเป้าหมายชัดเจน

การเสนอข่าวของ อดีตนายกฯ ที่หนีคดี ถูกยกเลิกหนังสือเดินทางหมาดๆ แต่กลับไปปรากฏตัวที่โน้น ที่นี้ อ้างว่าไปประชุม ก็เป็นการจงใจสื่อความ หรือตอบโต้ ทางการเมือง ประมาณว่า ยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ตแล้ว ก็ทำอะไรฉันไม่ได้ฉันยังเดินทางไปได้ทุกที่ และได้รับเกียรติไปประชุมโน้น นี้นั้นเสียด้วยซ้ำ

การเคลื่อนไหวเหล่านี้นักวิเคราะห์บางรายถึงกับตีความเอาว่า มาตรการยกเลิกพาสปอร์ต เป็นเกมที่สูญเปล่า แต่แท้จริงแล้ว การพยายามออกสื่อให้มากที่สุดด้านหนึ่งแม้เป็นการแสดงภาพ เป็นการตรึงมวลชนที่เชื่อถือตัวเองไว้ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการสะท้อนว่า นี้เป็นการพยายามดิ้นสุดฤทธิ์สุดเดช เป็นความเพลี่ยงพล้ำหลังถูกกดดันอย่างหนัก

ล่าสุดถึงกับมีการจับผิดภาพของ อดีตนายก ทักษิณ ที่ไปปรากฏตัวว่าเป็นเพียงภาพตัดต่อ เพราะชุดที่ใส่ไม่ว่าเสื้อเชิ้ต หรือ สูทเป็นชุดเดียวกัน หรือแม้แต่ท่าทางที่ปรากฏตัวเป็นท่าเดียวกันทุกที่ ซึ่งเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเท่านั้น

อย่างที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วว่า หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองได้เปิดคดีความเรื่อง การทุจริตจำนำข้าวต่ออดีตนายกยิ่งลักษณ์ไปแล้ว จะเกิดความเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน การพยายามสร้างภาพอธิบายตัวเองสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองจะต้องเกิดขึ้น

วันนี้ชัดเจนแล้วว่า มีกระบวนการที่สร้างภาพลักษณ์ในเชิงการต่อสู้ ที่ไม่ใช่การต่อโดยทั่วไปเนื่องจากติดอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษ การใช้สื่อโซเชียล และ สื่อในมือของตัวเองเพื่อชิงจังหวะชิงพื้นที่ปูทางในเชิงการต่อสู้จะเข้มข้นมากขึ้น การสร้างความชอบธรรมเพื่อการต่อสู้ในอนาคตได้ถูกวางเกมแล้ว หลังจากนี้ติดตามความเข้มข้นในเชิงการต่อสู้ว่าเข้มข้นมากน้อยเพียงใดน่าสนใจติดตามอย่างยิ่ง.......

...เปลวไฟน้อย
.....................................
ที่มา:  http://news.sanook.com/1812315/

จับตายุทธการสงครามสื่อ แย่งความชอบธรรม จับตายุทธการสงครามสื่อ แย่งความชอบธรรม Reviewed by Unknown on 21:07 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น