มาแปลก วัดย่านนนทบุรี จัดงานวิวาห์ลงโลง วันแห่งความรักของพระพุทธศาสนา

(14 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.09 น. ที่วัดตะเคียน ถ.นครอินทร์ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้จัดงาน "วิวาห์ลงโลง ในวันแห่งความรักของพระพุทธศาสนา" โดยงานเริ่มจากการตั้งขบวนแห่ขันหมากที่โรงเรียนเทศบาลปลายบางวัดสิงห์ มีขบวนรถม้าเทียมเกวียน 8 คัน แตรวง นางรำนำหน้า ซึ่งมีคู่บ่าวสาวที่สมัครใจในการแต่งงานในครั้งนี้จำนวน 10 คู่ เพื่อทำพิธีแต่งงานลงโลงที่ทางวัดจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีชาวบ้านที่ให้ความสนใจเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

เมื่อขบวนของคู่บ่าวสาวมาถึงวัด ได้นำเครื่องสังฆทานที่เตรียมมานำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์จนครบทุกคู่ พระครูสมุห์สงบ กิตติญาโญ เจ้าอาวาสวัดตะเคียนจึงได้เริ่มทำพิธีวิวาห์ลงโลง โดยให้คู่บ่าวสาวถือดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปนอนในโลงศพด้วยกัน นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปมาสวดบังสุกุลตายและบังสุกุลเป็นให้พร้อมให้ศีลให้พร ใช้เวลาต่อคู่ประมาณคู่ละ 5 นาทีเป็นอันเสร็จพิธี หลังเสร็จพิธี พระครูสมุห์สงบ ได้มอบซองรับไหว้ให้กับคู่บ่าวสาวเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

น.ส.พิชายา แท่นพิมพ์ และ น.ส.ภัทรณยา คำพลอย คู่บ่าวสาวซึ่งเป็นคู่รักข้ามเพศ กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่ตนและแฟนสาวได้มาจัดพิธีแต่งงานกันขึ้นที่วัดในครั้งนี้ โดยตนได้คบหากับแฟนสาวมานานกว่า 3 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็คิดที่จะแต่งงานกันมาตลอดแต่ติดตรงที่ว่า สังคมเรายังไม่ค่อยยอมรับในเรื่องหญิงรักหญิง หรือ ชายรักชาย สักเท่าไหร่ จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า ทางวัดได้จัดให้มีการจัดงานวิวาห์ลงโลงขึ้น จึงได้ลองมาติดต่อกับทางวัดดู ซึ่งทางวัดก็อนุญาติโดยไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด

พระครูสมุห์สงบ กล่าวว่า ทางวัดได้จัดงานครั้งนี้ขึ้นมาเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกเริ่มเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ปีที่แล้ว ซึ่งวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ตรงกันพอดี แต่มาปีนี้ถึงวันมาฆบูชาจะไม่ตรงกับวันวาเลนไทน์ แต่ก็มีญาติโยมเข้ามาติดต่อขอให้ทางวัดช่วยจัดงานแต่งงานดังกล่าว เพราะมีความเชื่อตามสำนวนไทยว่า "ร่วมหอ ลงโรง" จะได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กันไปยืดยาวจนตายจากกันไป

สำหรับพิธีกรรมการนอนโลงนั้น คนมองว่าอาจจะเป็นเรื่องของการสะเดาะห์เคาะห์ต่อชะตา แต่ที่จริงแล้วเป็นคติธรรมที่แฝงอยู่คือ การเปรียบเสมือนการฝึกตายก่อนตายจริง เพื่อเป็นการเตือนสติให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า ความตายกับการมีชีวิตอยู่เกือบจะเป็นเส้นเดียวกัน การเรียนรู้เกี่ยวกับความตายจะทำให้เราปรับทัศนคติในการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ทั้งตัวเราเองและคนที่อยู่ข้างๆ เรา

..............................
ที่มา:http://news.sanook.com/1748505/