ส่งคุกทันที สาวกุข่าวบิ๊กตู่โฮลั่น
ไม่ได้ประกัน-โวยข้อหาหนัก อจ.จัดบายศรีสู่ขวัญ14นศ. คสช.ยันไม่เลิกใช้มาตรา44
สาวมือโพสต์กุข่าว "บิ๊กตู่"โอนหมื่นล้านไปสิงคโปร์ ปล่อยโฮหลังศาลทหารไม่ให้ประกันตัว ผบ.ตร.นำทีมแถลง ยันเชื่อมโยงเครือข่ายนปช.ปทุมธานี แจ้งความผิด 3 ข้อหา"บิ๊กตู่"เล็งเปิดเวทีนักศึกษากลุ่มหนุน-กลุ่มต้าน พูดคุยออกสื่อ เครือข่ายคณาจารย์จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ 14 น.ศ.หลังพ้นเรือนจำ ศปป.ปัดเชิญ"มาร์ค-ปู" ออกทีวีร่วมกัน กมธ.โยกกรรมการแต่งตั้งขรก.ใส่ในกฎหมายลูก "ดิเรก"ยันไม่เห็นด้วยเปิดช่องนายกฯ คนนอก ศาลอาญายกฟ้อง 2 แนวร่วมกปปส. ร่วมปิดล้อมสนง.เขตดินแดง ขวางเลือกตั้งก.พ.57
แถลงจับกุข่าว"บิ๊กตู่"โอนหมื่นล.
เวลา 10.00 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต. ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี(ผบก.ปอท.) น.อ. สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นางรินดา ปฤชาบุตร อายุ 44 ปี ตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 25/2558 ลงวันที่ 9 ก.ค.2558 ผู้โพสต์ข้อความข่าวลือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนางนราพร ภริยา นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากธนาคารในสิงคโปร์ และมีการเผยแพร่ส่งข้อความ ดังกล่าวตามสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 40/1299 ม.4 ต.คลองสาน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ผบ.ตร.ชี้รู้เท่าไม่ถึงการณ์
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า นางรินดา เป็น ผู้โพสต์ข้อความนั้นจริงแต่อาจไม่ได้ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงบอกกับนางรินดาว่าการกระทำนั้น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ความคิดเห็นที่แตกต่างทำได้แต่ต้องคำนึงถึงผู้อื่น ต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย เพราะเมื่อทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายอาญาจะยอมความไม่ได้ และเมื่อทำผิดกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงการทำตามกฎหมายไม่ได้ แม้จะไม่เคยรู้จักหรือมีความบาดหมางกันมาก่อน รวมทั้งฝากถึงกลุ่มนักศึกษาด้วยว่าวันนี้ที่ทำอาจเพราะว่าสนุกสนาน อาจมีคนยุแยงหรือมีค่าจ้าง ควรไตร่ตรองและใคร่ครวญว่าทำได้หรือไม่ อยู่ภายใต้กฎหมายหรือไม่ และแม้จะทำโดยสุจริตใจก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นด้วย
ยันพบข้อมูลโยงนปช.ปทุมฯ
พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เห็นว่าเป็นการโพสต์ข้อความที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงมีคำสั่งให้ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันสืบสวนซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวมีที่มาจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชื่อ รินดา ตั้งศิริพรพิทักษ์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2558 มีข้อความสรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนางนราพร นำเงินหลายหมื่นล้านไปฝากที่ธนาคารในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความเท็จ มีนางรินดา เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ได้ขออนุมัติหมายศาลทหารกรุงเทพและศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ยังตรวจสอบพบอีกว่าผู้ต้องหามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มทางการเมือง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคนเสื้อแดงปทุมธานีด้วย
เจ้าตัวยันไม่เกี่ยว"เอนก ซานฟราน"
ด้าน นางรินดา ยอมรับว่าคัดลอกข้อความดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กตนเองจริง แต่ไม่ใช่คนเขียนข้อความนี้และไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย แต่เห็นว่าในฐานะประชาชนมีสิทธิ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องระมัดระวังในการทำผิดพ.ร.บ. คอมพิว เตอร์ เป็นอย่างมากเพราะมีความอ่อนไหว นอกจากนี้ ยังต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารที่มีความสุภาพด้วย ตนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
นางรินดากล่าวว่า ยืนยันข้อความในลักษณะนี้คัดลอกมาโพสต์ครั้งแรก ปกติจะโพสต์แค่เรื่องการเมืองนิดหน่อยเท่านั้น และไม่เคยรู้จักนายเอนก ซานฟราน ตามชาร์ตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำขึ้นมาเลย ข้อความนี้นำมาจากไลน์และตนก็เอามาโพสต์ ส่วนเฟซบุ๊กเป็นของสามีที่ใช้ชื่อตนเองไปตั้งเป็นเฟซบุ๊ก และเป็นเฟซบุ๊กเก่า ข้อความเก่ามากว่า 3 ปีแล้ว ขณะนี้เฟซบุ๊กดังกล่าวไม่มีการเคลื่อน ไหว ซึ่งตนไม่มีความชำนาญการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เฟซบุ๊กเก่าจึงค้างอยู่แบบนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านหลังโต๊ะแถลง เจ้าหน้าได้ตั้งบอร์ดแสดงแผนผังความเชื่อมโยง นางรินดา กับ นปช.ปทุมธานี และนายเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาคดี 112
แจ้งความผิด 3 กระทง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหานำเข้าสู่ระบบคอมพิว เตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชน ตาม ม.14(2) พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็น การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร ตาม ม.116 ประมวลกฎหมายอาญา และแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ตาม ม.348 ประมวลกฎหมายอาญา นำตัวส่งพนักงาน บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ศาลทหารไม่ให้ประกันตัว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทีมทนายกลุ่ม นักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ เฟซบุ๊กระบุ ศาลทหารไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนางรินดา โดยอ้างเหตุพฤติการณ์แห่งคดี เป็นคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐหากปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าอาจเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวน จึงไม่อนุญาต เมื่อรับฟังคำสั่งดังกล่าว นางรินดา ร้องไห้อย่างหนัก
นายวิญญัติ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะไปยื่นประกันตัวใหม่ โดยจะให้เหตุผลว่าจำเลยมีภาระต้องดูแลครอบครัวและมีลูกที่ยังเล็กอีก 2 คน ประกอบกับไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีและคงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสอบสวนจนมีผลต่อคดีได้ ส่วนการโพสต์ข้อความดังกล่าว นาง รินดา กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามข้อเท็จจริงคดีนี้ควรจะเป็นคดีหมิ่นประมาททั่วไป เพราะเป็นเรื่องที่กล่าวหาต่อบุคคลจึงไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แล้วการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินไปก็ทำให้ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลไม่ให้ประกันตัว นางรินดาถูกนำตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ยกฟ้องกปปส.ขวางเลือกตั้ง
นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของกลุ่ม กปปส. เผยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนวการ ขอนศรี และนายประเสริฐ ด้วงทิพย์ 2 แนวร่วมกปปส. เป็นจำเลยในข้อหาขัดขวางผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการลงคะแนน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. กรณียกพวกไปปิดล้อมสำนักงานเขตดินแดง เพื่อขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อช่วงเดือนก.พ. 2557
นายวิโรจน์กล่าวว่า เนื่องจากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยชี้ว่าการชุมนุมของกลุ่มกปปส. เป็นการชุมนุมโดยสิทธิเสรีภาพโดยชอบด้วยกฎหมาย เว้นแต่ที่มีการข่มขู่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการเลือกตั้ง ซึ่งในข้อเท็จจริงจำเลยพร้อมพวก 30-50 คน ก็ไม่ได้มีการข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จำเลยมีการขัดขวางการเลือกตั้งนั้น ศาลเห็นว่าหากจะจัดการเลือกตั้งจริงๆ เจ้าหน้าที่สามารถให้มีการเลือกตั้งต่อไปได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
นายวิโรจน์กล่าวว่า คดีนี้เชื่อว่าอัยการโจทก์น่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อ เพราะคดีที่เกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้งนั้น มีอยู่ที่ศาลอาญาอีกเกือบ 10 สำนวนคดี ถ้าอัยการไม่อุทธรณ์คดี อาจจะกลายเป็นบรรทัดฐานต่อคดีอื่นๆ ด้วย ตนในฐานะทนายความ จะนำแนวทางคำพิพากษาคดีนี้ไปนำสืบประกอบคดีที่มีการกล่าวหาการกระทำลักษณะเดียวกันเฉพาะในคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อไป
เมื่อถามว่าจะนำผลของคดีนี้ไปใช้กับคดีใหญ่ในความผิดฐานกบฏได้หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า การฟ้องคดีที่กล่าวหาแกนนำกปปส. ในความผิดฐานกบฏนั้น มีการกล่าว หาพฤติการณ์หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการขัดขวางการเลือกตั้งด้วย ก็อาจนำเอาแนวทางคดีนี้ไปสืบประกอบคดีเช่นกัน
"บิ๊กตู่"เตรียมคุยน.ศ.ออกสื่อ
เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย ตอนหนึ่งว่า เรื่องความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความมีเสถียรภาพของประเทศเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ อยากขอความร่วมมือจากคนไทยทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกระดับ อย่าเป็นศัตรูกันอีกเลย เรื่องของกฎหมายว่าไป เราต้องมาหารือร่วมมือกัน อยากให้ทุกคนรับรู้สถานการณ์ ปัญหา ความเสียหายต่างๆ ที่ประเทศนี้ได้เกิดขึ้นจากการเป็นประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ วันนี้เรากำลังสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ใครก็ต้องช่วยกัน ไม่ว่านักการเมืองหรือใคร ถ้าจะเลือกตั้งต่อ และในอดีตไม่มีความผิดก็เข้ามา ตนไม่ได้รังเกียจอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูป เปิดเวที เปิดโอกาส เปิดเวลาให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันนั้น ตนต้องการให้โอกาสทุกคน จะให้นิสิต นักศึกษา ทั้งที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยได้มาคุยกันออกสื่อ ทั้งสองฝ่ายก็มีทั้งสนับสนุน ไม่สนับ สนุน ทั้งที่มาสนับสนุนรัฐบาล อีกพวกก็ไม่สนับสนุน จะเอาทั้ง 2 พวกมาคุยกัน ไม่ใช่มาตีกัน มาคุยกันว่าจะทำความเข้าใจกันได้อย่างไร รวมถึงนักวิชาการมีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยไปได้ช้าอาจเป็นลักษณะของเราคือจะไม่ปล่อยวาง เก็บทุกเรื่องมาเป็นปัญหาได้หมดเลยทำงานไม่ได้ เมื่อ 2 คนเก่งทั้งคู่ 2 คนก็ต้องคุยกันให้ได้ หรือ 3 คนคุย 3 คน 4 คนคุย 4 คน ร้อยคนก็คุยร้อยคน ถ้าทุกคนมี 100 ปัญหาแล้วไปกันไม่ได้สักปัญหา มันเดินไม่ได้สักเรื่อง คุยกันก็ไร้ประโยชน์ ตีกันทุกวัน ถ้า 100 คน 100 ปัญหา ก็ลดลงเหลือสัก 20 ปัญหา แล้วทำ 80 ร่วมกันได้อีก 20 ก็ค่อยๆ แก้ไป เดี๋ยวมันก็ลดลงเอง วันนี้บางทีปัญหาไม่มากแต่ก็ต้องหาเรื่องใหม่มาจนได้ ให้มันเกิดปัญหาเรื่องใหม่มาอีก ตนก็ตามแก้ทุกวัน
ขู่กลุ่มกดดัน-อย่าให้ต้องใช้กม.
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้อยากขอบคุณส่วนราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน นิสิตนักศึกษา ครูอาจารย์ นักวิชาการทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียแล้วออกมาแสดงความคิดเห็นขณะนี้ ตนคิดว่าทุกอย่างแนวโน้มน่าจะดีขึ้น มีความเข้าใจมากขึ้น ลดการกดดันตนลงไปพอสมควร อย่างไรก็ตามคนที่เคยกดดันอยู่แล้วก็กดดันอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้จะว่ายังไง ก็ช่วยกัน ไปดูแลก็แล้วกัน อย่าให้ตนต้องบังคับใช้กฎหมายมากนักเลย มันทำให้เกิดปัญหาหมด เดี๋ยวก็เกิดความรุนแรงขึ้น กระบวนการยุติธรรมก็เสียหาย เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ การปฏิรูปไม่เกิดแล้วจะทำอะไรกัน ใครจะรับผิดชอบให้ตน ฉะนั้น ใครทำก็รับผิดชอบก็แล้วกัน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หลายอย่างก็ชัดเจนขึ้น เรื่องการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ก็รัดกุมขึ้น มีหลักฐานว่าใครทำอะไร ที่ไหน เกี่ยวพันอย่างไร เดี๋ยวเขาแถลง รอฟังก็แล้วกัน อย่ามาอ้างว่าตนพูดเรื่อยเปื่อย ถ้ามีก็รับกันบ้าง
ขอสื่อเบาๆคำถามลงบ้าง
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่มีการประกาศว่าจะหยุดงานตรงนั้นตรงนี้ หยุดวิ่งรถ อย่าทำ ตนเตรียมแผนไว้หมดแล้ว ถ้าหยุดตนมีรถมาวิ่งแทน มีรถตู้ รถเอกชน รถของประชาชน จะได้มีรายได้พิเศษ ฉะนั้นอย่ามากดดัน ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ปฏิบัติตามแผนงาน ตามสิ่งที่เราวางแผนไว้ให้ ยืนยันว่าไม่ได้ไปท้าทายแต่เตือนเท่านั้น อะไรที่เป็นเรื่องกฎหมายอย่าทำเลย อย่าล้อเล่นกับกฎหมาย การเป็นประชาธิปไตยเดี๋ยวมันก็มาอยู่แล้ว มาวันนี้แล้วมันล่มจมกันวันนี้โดยที่ยังไม่ได้แก้ไข ถามว่าใครรับผิดชอบ ท่านรับผิดชอบ ตนจะบันทึกไว้ว่าใครก็ตามที่เรียกร้องกันในขณะที่มันยังไม่เรียบร้อย ตนไม่เคยไปบิดเบี้ยว บิดเบือน บิดเบี้ยวอะไรไม่ได้อยู่แล้วเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนอยู่ด้วยความสงบสุข อย่าตื่นตระหนก ทุกเรื่องที่เป็นปัญหาในประเทศเยอะพออยู่แล้ว อย่าเอาประเทศ ไทยไปขัดแย้งกับประเทศอื่นในโลก เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธสัญญา เป็นไปตามประจักษ์พยาน ตามหลักฐาน ตามข้อกฎหมายระหว่างประเทศ มันจำเป็นต้องทำตามนั้น มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อยู่แล้ว เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ใครทั้งสิ้น เราทะเลาะกันเองพอไหว พอรับได้ แต่เอาเราไปทะเลาะกับคนอื่น ประเทศโน้นประเทศนี้ มันไม่ได้
นายกฯกล่าวว่า เรื่องบางเรื่องอันตรายเป็นความอ่อนไหว ตนไม่ไปทะเลาะกับสื่ออยู่แล้ว ในบางครั้งก็อธิบายยากเหมือนกัน อธิบายแล้วอธิบายอีก ถามแล้วถามอีกก็เบาๆ กับตนบ้าง ตนก็พยายามจะเบาอยู่
คสช.ยันม.44ใช้สร้างสรรค์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวกรณีนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ออกแถลงการณ์จี้ให้คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 ว่า ตนมองว่าถ้าหากมีความเห็นอย่างที่กลุ่มดังกล่าวได้พูดนั้น แสดงว่ายังไม่เข้าใจว่าการที่ใช้ มาตรา44 ในปัจจุบันนี้ใช้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งต้องหาวิธีการเพื่อทำความเข้าใจ มาตรา44 ปัจจุบันถือว่าเป็นกฎหมายที่นำมาเพื่อแก้ปัญหาในทางสร้าง สรรค์ให้กับประเทศชาติ
อจ.จัดบายศรีสู่ขวัญน.ศ.
เวลา 17.00 น. ที่ตึกกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ท่าพระจันทร์ เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกขัง จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญประชาธิปไตยใหม่แก่ 14 นักศึกษา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ถูกคุมขัง โดยมีนักวิชาการและประชาชนเข้าร่วม อาทิ นายอนุสรณ์ อุณโณ นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ นางพวงทอง ภวัครพันธ์ นายยุกติ มุกดาวิจิตร นายอภิชาติ สถิตนิรมัย อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มธ. น.ส.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ รวมทั้งนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา พ่อ"ไผ่ ดาวดิน"
นายพิชิตกล่าวว่า ในฐานะเครือข่ายคณาจารย์ฯ ขอขอบคุณนักศึกษาที่สละอิสรภาพ เพื่อต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม ทำให้คณา จารย์และประชาชนออกมาสนับสนุนเรียกร้องให้อิสรภาพแก่นักศึกษา นอกจาก 14 นักศึกษาแล้วยังมีนักศึกษาคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ คณาจารย์รู้สึกขอบคุณ จึงจัดงานรับขวัญเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเรายังคงอยู่ข้างๆ และข้างหลังพวกเขา การเคลื่อนไหวของนักศึกษาทำให้คนที่ออกมาร่วม ลืมความขัดแย้งแตก แยกในอดีต ร่วมกันสู้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ไม่ว่าอดีตเป็นอย่างไร แต่ถ้าเห็นด้วยกับหลักการ 5 ข้อ เราคือเพื่อนกัน
ส่วนนายวิบูลย์กล่าวว่า สิ่งที่ลูกๆ ทำไป ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย รู้สึกภูมิใจที่เด็กๆ มีวิธีคิดเองโดยปราศจากการควบคุม ให้กำลังใจและขอขอบคุณเด็กๆ ที่ทำให้ได้คิดว่าสังคมต้องขับเคลื่อนอย่างไร
น.ศ.ย้ำสู้ต่อ-ยังไม่ชนะ
นายสุธาชัยกล่าวว่า แปลกที่ผ่านมา 40 ปี เรายังต่อสู้เรื่องเดิมอยู่ ไม่ว่าสังคมถอยหลังไปขนาดไหน เรายังมีเด็กที่ไม่จำนนต่อความ อยุติธรรมของสังคม เป็นเรื่องที่ต้องจารึกว่าครั้งหนึ่งเรามีกลุ่มนักศึกษาลุกขึ้นมาบอกถึงความไม่ชอบธรรม
นายรังสิมันต์ โรม 1 ใน 14 นักศึกษา กล่าวว่า การจัดบายศรีสู่ขวัญครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 และคิดว่าจะมีอีกหลายครั้ง เพราะยังมีการคุก คามอยู่ การอยู่ในเรือนจำทุกวินาทีคือการต่อสู้ของเรา และเรายังไม่ชนะต้องสู้ต่อไป เพราะกลไกคสช.ยังทำหน้าที่อยู่ เราจึงต้องสู้ต่อไป
ด้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ไม่ว่าจะในหรือนอกเรือนจำก็ไม่มีเสรีภาพเหมือนกัน เรายืนยันจะสู้ว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม อยากให้ทุกคนมาสู้พร้อมพวกเรา 14 คน ในฐานะมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีและไม่เห็นด้วยกับคณะรัฐประหาร เพื่อให้สังคมเดินต่อไปได้ ถ้าเราปล่อยให้การรัฐประหารครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ครั้งต่อไปก็จะเกิดขึ้นอีก
จากนั้นคณาจารย์ผูกข้อมือรับขวัญนักศึกษา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น หลังเสร็จพิธีกลุ่มนักศึกษาได้กอดคอร่วมกันร้องเพลง
ศปป.ปัดเชิญ"มาร์ค-ปู"ออกทีวี
พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการคสช. กล่าวถึงศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ร่วมออกรายการเดินหน้าปฏิรูปทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และเอ็นบีที ว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะศปป.ตั้งใจเชิญอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ มาร่วมแสดงความคิดเห็นและระดมความคิดเพื่อสร้างความปรองดองสู่การปฏิรูปประเทศ แต่เมื่อได้รับการตอบรับที่ดีจากหัวหน้าพรรค ที่จะมาให้ความร่วมมือสร้างปรองดองก็น่ายินดี โดยนายอภิสิทธ์ ตอบรับมาร่วมออกรายการวันที่ 13 ก.ค. หัวข้อปัญหาในระบบราชการไทย
รองเลขาธิการคสช. กล่าวว่า เราไม่ได้พุ่งประเด็นว่าต้องเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ พร้อมและตอบรับมา ถือเป็นเรื่องดี ที่ผ่านมาเชิญมาให้ข้อคิดเห็น 2 ครั้งก็มาตลอด มาให้ข้อคิดที่ดีและเป็นประโยชน์ ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เรายังไม่ได้เชิญเพราะมองว่ายังไม่พร้อม แต่หากมีประเด็นหรือเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะเชิญ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เหมาะสมและความพร้อมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย ยืนยันว่าไม่ได้กดดันหรือบีบให้ต้องมา แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อม ศปป.ก็พร้อมต้อนรับ
พล.อ.ฉัตรเฉลิมกล่าวว่า ระหว่างนี้ศปป.ก็เชิญอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาก่อน ที่ผ่านมาก็มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน มาร่วมแสดงความคิดเห็นไปแล้ว การพูดคุยในรายการเดินหน้าปฏิรูป 1 ชั่วโมง ถือว่ายังน้อยเกินไปที่จะให้ทุกคนพูดครบทุกแง่มุม เพราะบางคนก็มีความคิดเห็นที่ไม่ลงตัว อาจต้องเชิญมาใหม่อีกรอบ เพื่อจะได้ข้อมูลและรายละเอียดที่สมบูรณ์
"มาร์ค"ชวน"บิ๊กตู่"ร่วมเวที
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ฝากสื่อถามนายอภิสิทธิ์และน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมจะแสดงความเห็นผ่านทางโทรทัศน์หรือไม่ว่า ตนไม่เคยมีปัญหาทุกครั้งที่คสช. หรือศปป.ขอความร่วมมือก็ให้ความร่วมมือทุกครั้ง ที่ผ่านมาตนพูดถึงปัญหาก็จะมีข้อเสนอแนะไปด้วย แต่พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่มีเวลาฟัง สิ่งที่ตนพูดเพื่อเสนอทางออกเป็นเรื่องสร้างสรรค์ แม้แต่การวิจารณ์ก็ทำอย่างสร้างสรรค์ จึงอยากให้ระมัดระวังถ้ามองการวิจารณ์หรือการสะท้อนปัญหาว่าไม่สร้าง สรรค์ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะต้องเริ่มจากการทราบปัญหาที่แท้จริงก่อนจึงหาทางแก้ไข แม้ไม่ค่อยถูกใจคนทำงานแต่ก็ต้องรับฟัง ส่วนรัฐบาลหรือคสช.จะทำหรือไม่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลหรือ คสช.เอง ดังนั้นถ้าจะให้ไปแสดงความเห็นในเวทีเดียวกับน.ส. ยิ่งลักษณ์ก็พร้อมอยู่แล้วไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าในเวทีนี้หากมีพล.อ.ประยุทธ์ ร่วมด้วยจะเป็นโอกาสดีสำหรับประชาชนในการรับทราบจุดยืนของแต่ละฝ่ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบบ้านเมืองเวลานี้ อะไรที่จะทำให้ทำงานได้ดีขึ้นก็เป็นประโยชน์ และตอนนี้อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้สำเร็จ จะใช้รูปแบบไหนวิธีใดในการแก้ปัญหาเชื่อว่าทุกคนยินดีให้ความร่วมมือ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพล.อ. ประยุทธ์ ที่จะกำหนดการแสดงความคิดเห็นว่าเป็นอย่างไร และถ้ามาร่วมด้วยก็จะเป็นผลดีต่อประชาชนเพราะจะมีความหลากหลาย ตนเชื่อเรื่องการแลกเปลี่ยนเพราะการพูดฝ่ายเดียวพูดอย่างไรก็ได้ แต่การแลกเปลี่ยนจะช่วยเพิ่มแง่มุมที่กว้างขวางมากขึ้น
เห็นใจรบ.ปัญหารุม
ที่เห็น ศปป.ก็พยายาม ขยายพื้นที่ในการแสดงความเห็นโดยเชิญฝ่ายต่างๆ มาใช้พื้นที่สื่อในรายการของคสช.มากขึ้น ถือเป็นทิศทางที่ดีถ้าทำต่อเนื่องจะทำให้สังคมกลับสู่ภาวะปกติ ผมเห็นใจรัฐบาลเพราะเวลานี้มีปัญหารุมเร้าหลายเรื่อง โดยเฉพาะเงื่อนไขเศรษฐกิจถ้าคลายเงื่อนไขนี้ได้ก็จะช่วยได้มาก ส่วนการเคลื่อนไหวต่างๆ หรือปัญหาจากภายนอกเป็นเรื่องปกติที่เราควบคุมไม่ได้เช่น วิกฤตต่างประเทศหรือเรื่องตุรกี และจีนที่เป็นเรื่องละเอียด อ่อนจึงยากที่จะมีคำตอบที่ถูกใจต่อทุกฝ่าย
เมื่อถามว่ามีคำแนะนำอะไรให้นายกฯหรือไม่ เพราะเห็นหงุดหงิดทุกวันจากสารพัดปัญหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เชื่อว่านายกฯสามารถควบคุมไม่ให้สิ่งเหล่านี้บั่นทอนการทำงาน แต่เข้าใจว่าทุกคนเป็นปุถุชนธรรมดาเมื่อทำงานก็เหนื่อยหงุดหงิดเป็นธรรมดา สมัยตนเป็นนายกฯเวลาเหนื่อยและหงุดหงิดก็จะไม่พยายามนำเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะรู้ตัวว่า มีหน้าที่ต้องทำอะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขาดทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาทว่า ไม่ทราบว่านายวิษณุคิดอย่างไรที่ระบุเอาค่าธรรมเนียมศาลมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาว่าจะคุ้มค่าต่อการยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่ แต่เห็นว่าทุกอย่างต้องปฏิบัติตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และขณะนี้คดีอาญาก็เดินอยู่ ซึ่งมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมหาศาล ผู้เสียหายคือรัฐและประชาชน รัฐจึงต้องทำหน้าที่แทนประชาชนเดินหน้าต่อโดยฟ้องในเรื่องนี้
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้ามาเพื่อสะสางปัญหาอย่างแท้จริง หวังว่านายวิษณุพูดเรื่องนี้เพียงให้มีความรัดกุม แต่ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะ ข้อมูลต่างๆ อยู่ในมือรัฐหมดแล้ว
ณัฐวุฒิจวกอภิสิทธิ์ดาวยั่ว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวกรณีศปป.เตรียมเชิญแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย พูดคุยออกรายการโทรทัศน์ว่า เป็นงานถนัดของนายอภิสิทธิ์ ที่ต้องการกดดันให้รัฐบาลเร่งฟ้องแพ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ คดีจำนำข้าว ทั้งที่หน่วยงานรับผิดชอบกำลังพิจารณาอยู่
"ผมเห็นข่าวมีกลุ่มดาวดินต่อต้านเผด็จ การ ไม่นึกว่าจะมีกลุ่มดาวยั่วคอยยุยงรัฐบาลให้จัดการฝ่ายตรงข้าม ขณะที่อดีตนายกฯซึ่งถูกยึดอำนาจและประสบชะตากรรมทางการเมืองมากยังคงหนักแน่น ไม่แสดงอาการใดๆ แต่อดีตนายกฯอีกคนที่เคยได้รับการอุ้มชูจากกลุ่มผู้มีอำนาจขณะนี้ กลับเรียกร้องแต่จะให้ซ้ำเติมอีกฝ่าย" นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยืนยันมาตลอดว่าจะต่อสู้กับ ทุกข้อกล่าวหา จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวน การยุติธรรม แต่นายอภิสิทธิ์ เล่นแบบนี้ เกิดอีกฝ่ายเขาเร่งรัดคดีสลายการชุมนุม 99 ศพขึ้นมาบ้าง บรรยากาศบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
กมธ.ตัดนิยาม"เงินแผ่นดิน"
เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุมกมธ.ยกร่างฯ พิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา วันที่สิบสอง เริ่มเข้าสู่การพิจารณา หมวด 5 การคลังและการงบประมาณ มาตรา 199-205
ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯ คงตามหลักการเดิมตามร่างแรกเพื่อทำให้เกิดวินัยการเงินการคลังและป้องกันการใช้จ่ายแบบนโยบายประชานิยม แต่เขียนบัญญัติเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้นด้วยการนำความเห็นของม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ที่เสนอความเห็นเข้าสู่กมธ.ยกร่างฯเมื่อปลายมิ.ย. มีสาระสำคัญคือ หลักการหมวดการคลัง ต้องมีความเป็นธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งให้มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า ตอบสนองต่อประโยชน์ส่วนรวมและต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 35 (7) (8) เช่น กำหนดว่าการออกนโยบายใดๆ ที่ใช้เงินงบประมาณจะต้องผ่านการวิเคราะห์และมีความคุ้มค่า รวมถึงต้องบอกแหล่งที่มาของเงิน ขณะที่เรื่องมาตรการภาษีต้องจัดเก็บอย่างเป็นธรรม โดยจัดเก็บจากฐานภาษีทุกฐาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังตัดการนิยามความหมายของคำว่า "เงินแผ่นดิน" ในมาตรา 200 เพราะหากเขียนบัญญัติไว้เกรงว่าจะเกิดปัญหาการตีความในอนาคต หากมีการเขียนนิยามไว้ไม่ครบสมบูรณ์ เนื่องจากเชื่อว่าในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โยก"กก.แต่งตั้งขรก."ใส่กม.ลูก
ส่วนในหมวด 6 ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการ นักการเมือง และประชาชน ที่ประชุมปรับแก้ไขถ้อยคำมาตรา 206 จากเดิมที่กำหนดให้ "ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง จะเป็นข้าราชการการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นมิได้" มาเป็น "ให้มีคณะกรรมการแต่งตั้
.......................................
ที่มา: http://www.khaosod.co.th
ส่งคุกทันที สาวกุข่าวบิ๊กตู่โฮลั่น
Reviewed by Unknown
on
09:08
Rating:
Post a Comment